 |
| Social Media |
ระดับความเป็นส่วนตัวของ Twitter นั้นมี 2 ระดับใหญ่ๆ
คือ
แบบปกติ ซึ่งเป็นค่าเริ่มต้นของบริการนั่นคือใครก็สามารถตามอ่านข้อความที่เราโพสต์เอาไว้ได้ ไม่มีการจำกัดใดๆ ทั้งผ่านทางหน้าเว็บ และผ่านการตามทาง Follow แม้ว่าจะไม่เล่น Twitter ก็เข้าผ่านทาง www.twitter.com/usertwitter ก็จะเห็นได้ว่าเราไปทำอะไร ที่ไหน
แบบ Protect my tweet คือ จะไม่เปิดเผยข้อความที่เราโพสเอาไว้ให้คนอื่นๆเห็น เว้นแต่คนเหล่านั้นจะตาม Follow เราก่อน หากเราไม่อนุมัติ เขาก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้ามาอ่านข้อความของเรา ซึ่งแบบนี้จะดีที่สุดและปลอดภัยที่สุด
หากคุณคิดว่า ข้อความที่คุณโพสต์ลง Twitter ส่วนใหญ่จะเป็นข้อมูลที่เป็นส่วนตัว ก็ควรจะไปกำหนดความเป็นส่วนตัว โดยไปที่หน้า Twitter แล้วไปที่ Setting > Account แล้วทำเครื่องหมายถูกที่ Protect my tweet ก็เป็นอันเรียบร้อย
อย่างไรก็ดี พึงระรึกไว้เสมอว่า ข้อความใดๆที่ tweet ไปก่อนหน้านี้ก่อนที่จะปรับแต่งความเป็นส่วนตัว จะยังคงเปิดให้คนอื่นเห็น ได้อ่านอยู่ในบางช่องทาง (เช่น แคชของ Google เป็นต้น)
อีกจุดหนึ่งที่ต้องระวังสำหรับการใช้งาน Twitter ก็คือ คุณสมบัติ Geo Tagging ที่จะแนบพิกัด GPS ไปกับข้อความที่คุณโพสต์บน Twitter หากคุณคิดว่าการเดินทางไปไหนมาไหนของคุณควรจะเป็นความลับส่วนตัวแล้วล่ะก็ แนะนำว่าควรจะปิดคุณสมบัตินี้ด้วยครับ เพราะหากคุณอยู่ในที่ไม่ปลอดภัย ไม่ใช่ชุมชนใหญ่ๆ เช่น ระบุพิกัดร้านอาหาร แน่นอนว่าผู้ไม่หวังดี หาคุณเจอแน่ๆ เพราะภาพแสดงตัวอวาตาร์ก็โชว์หน้าเราอยู่
จุดมุ่งหมายของ Facebook นั้นแตกต่างจาก Twitter คือ เน้นที่การแบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆ หรือญาติพี่น้องมากกว่า แต่ก็มีการเผื่อเอาไว้สำหรับการแบ่งปันข้อมูลเพื่อสร้างกลุ่มใหม่ๆ ด้วยในตัว ดังนั้นการปรับแต่งค่าของ Facebook นั้น จึงมีรายละเอียดค่อนข้างมาก โดยสำหรับ Facebook นั้นจะแบ่งเนื้อหาที่เราสามารถแบ่งปันตามหัวข้อในภาพ
โดยเราสามารถที่จะกำหนดให้ข้อมูลส่วนใด เปิดเผยให้แก่ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชม Facebook ของเราได้ 3 ระดับ คือ ทุกคน(ไม่จำกัดใครเลย) ,เพื่อน(ต้องยอมรับการเป็นเพื่อนของเรา),และเพื่อนของเพื่อน(อันนี้สำคัญและอันตรายที่สุด) ซึ่งตรงนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆที่ต้องกำหนดเพราะหากพิจารณาให้ดีๆแล้วจะเห็นว่าข้อมูลหลายอย่างในนี้หากผู้ไม่หวังดีได้ไป ก็อาจส่งผลร้ายอย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว ยกตัวอย่างเช่น ข้อมูลวันเกิด เบอร์โทรศัพท์ และที่อยู่ของเรา ซึ่งเป็นที่ทราบดีกันว่า เวลาที่เราต้องการจะเช็คข้อมูลด้านการเงินส่วนใหญ่นั้น ข้อมูลเหล่านี้คือสิ่งที่ทางคอลเซ็นเตอร์จะสอบถามเราเพื่อใช้ในการยืนยันตัวตนของเรา (สถาบันการเงินหลายๆแห่ง ใช้ข้อมูลง่ายๆและส่วนใหญ่มักเป็นที่เปิดเผยกันแบบนี้ในการยืนยันตัวตนเลยทีเดียว)
ถ้าจะให้ดีข้อมูลบน Facebook ควรจะเปิดเผยให้เฉพาะเพื่อนของเราเท่านั้นที่จะเข้ามาดูได้
Foursquare
โดยทั่วไปแล้วค่าเริ่มต้นของ Foursquare จะเปิดเผยข้อมูลการ Check in ของเราให้ผู้ใช้งานของ Foursquare คนอื่นๆ ได้ทราบเผื่อพวกเขาเข้าไป Check in สถานที่นั้นๆ ซึ่งคุณสามารถเลือกที่จะไม่เปิดเผยก็ได้ โดยการที่เราเข้าไปตั้งค่าความเป็นส่วนตัวในหมวด Setting ของ Foursquare
แต่จุดที่อยากให้สังเกตก็คือ ความสามรถในการเชื่อมต่อกับบริการ Social Media อื่นๆของ Foursquare คือ สามารถเชื่อมต่อกับ Twitter,Facebook ได้ ซึ่งหากเราปล่อยให้ Foursquare เชื่อมต่อกับบริการนี้(เพราะเราอาจจะต้องการความสะดวกสบายในการแบ่งปันข้อมูลสถานที่ ที่คุณอยู่ให้เพื่อนๆหรือคนรู้จักทราบ) เราก็จำเป็นต้องพิจารณาเรื่องความเป็นส่วนตัวของบริการต่างๆเหล่านั้นด้วยเช่นกัน
ข้อควรระวังในภาพรวมของ Social Media
ที่พูดถึงไปข้างต้นนั้นเป็นเพียงการยกตัวอย่างเฉพาะบริการ Social Media ที่เป็นที่นิยม แต่โดยรวมแล้วจะเห็นว่าการใช้ Social Media ก็คือ การเปิดเผยข้อมูลแต่เพียงพอควรไม่เปิดกว้างมากจนเกินไปจนเป็นเหตุให้กลายมาเป็นดาบสองคมมาทำร้ายเราทีหลังแต่หากต้องการเปิดเผยให้เต็มที่ ก็จำเป็นต้องพิจารณาการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของบริการเหล่านั้น ให้เปิดเผยเฉพาะคนที่เราต้องการ (เช่น เพื่อน ญาติพี่น้อง)
1 comment:
ในทางการตลาด เราสามารถใช้ข้อมูลของกลุ่มเป้าหมาย มาวิเคราะห์ได้ครับ ว่าเค้าต้องการอะไร มีปัญหาอะไร เราก็แค่นำสินค้าที่สามารถแก้ปัญหา ของเค้าได้มา การตลาดบน Social Media ก็แค่นี้แหละครับ !!
Post a Comment